วันอังคารที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

โอดะ คาสึซาโนะสึเกะ โนบุนากะ

ญีปุ่นในช่วงปี ค.ศ. 1500 - 1700 เกิดสงครามครั้งใหญ่ ทำให้ประเทศชาติมีแต่ความหายนะ อำนาจของ โชกุน ผู้ปกครองประเทศถูกแก่งแย่งชิงอำนาจซึ่งกันและกัน ทำให้โชกุนในสมัยนั้นคือ "ตระกูลอะชิคะงะ"ถูกแย่งชิงอำนาจการปกครอง ทำให้บรรดาไดเมียวทั้งหลายที่ปกครองหัวเมืองต่าง ๆ พากันกระด้างกระเดื่อง ประกาศตั้งตนเป็นอิสระ ไม่ขึ้นกับการปกครองของโชกุนทำให้ญี่ปุ่นในยุคสมัยนั้นก้าวเข้าสู่สภาวะ สงครามกลางเมือง ของประเทศญี่ปุ่น ที่มีระยะเวลายาวนานกว่า 200 ปีในยุคเซงโงะกุ ในช่วงมืดของญี่ปุ่นได้มีขุนพลนักรบผู้หนึ่งเป็นผู้ผลิกผันโฉมหน้า ประวัติศาสตร์ ของญี่ปุ่น โอะดะ โนะบุนะงะ ก้าวขึ้นมามีอำนาจเหนือสุด เป็นผู้คุมประเทศญี่ปุ่นที่อยู่ในช่วงระหว่างสงคราม
                 โนบุนากะ เป็นบุตรชายของเจ้าเมืองโอะวะริ โอะดะ โนบุฮิเดะ ในปี ค.ศ. 1534 มีนามเดิมว่า โอะดะ คิปโปชิ เป็นบุตรชายคนรองของตระกูล ได้ปกครองเมืองโอะวะริต่อจากบิดา ควบคุมและปราบบรรดาญาติผู้ใหญ่ที่ไม่เห็นด้วยกับการที่จะให้เขาขึ้นครอบครองเมืองต่อจากบิดา ซึ่งทางน้องชายโอะดะ โนะบุยุกิ ได้วางแผนก่อกบฏขึ้นหลายครั้ง แต่ไม่สำเร็จ โอะดะ โนะบุนะงะได้วางแผนแกล้งว่าป่วยไปทางนายทหารคนสนิท ซึ่งทางโนะบุยุกิหลงเชื่อ จึงได้เข้าไปเยี่ยมและถูกลอบสังหารที่ปราสาทคิโยะสุของโนบุนากะ โอะดะ โนะบุนะงะ จึงได้ครองแคว้นโอะวะริ ในปี ค.ศ. 1559
ในปี ค.ศ. 1560 อิมะงะวะ โยะชิโมะโตะ ไดเมียว ผู้ครองเมืองมิคะวะ นำกองกำลังทหารจำนวนมากเข้าบุกโจมตีเมืองโอะวะริ แต่ถูกโนะบุนะงะตีกองทัพแตกกระจายและชัยชนะในการทำศึกครั้งนั้น ทำให้ชื่อเสียงของโนะบุนะงะลือกระฉ่อนไปทั่วแผ่นดิน และในปี ค.ศ. 1560 โอะดะ โนะบุนะงะได้ผูกสัมพันธ์กับไดเมียวในตระกูลต่าง ๆ และยกกองกำลังของตนเข้าทำ สงคราม กับไดเมียวที่ไม่ยอมผูกสัมพันธ์ด้วย จนได้รับชัยชนะ ในปี ค.ศ. 1567
หลังจากได้รับการร้องขอจากองค์จักรพรรดิ เพื่อช่วยให้พระองค์รอดพ้นจากอำนาจของตระกูลอะชิคะงะ และช่วยคืนอำนาจการปกครองให้แก่พระองค์ โนะบุนะงะยอมเข้าช่วยเหลือโดยการยกกองกำลังโจมตี เมืองหลวง ขององค์จักรพรรดิ จับกุมตัวโชกุน อะชิคะงะ โยะชิอะกิ และบีบบังคับให้เป็นหุ่นเชิดของตนเอง ซึ่งจากความดีความชอบในครั้งนั้น ทำให้องค์จักรพรรดิ์พระราชทานรางวัลให้แก่โนะบุนะงะ แต่งตั้งให้เขาเป็น ไนไดจิน หรือเอกอัครมหาเสนาบดี มีอำนาจเป็นอย่างมาก โนะบุนะงะเป็นไนไดจินจนถึงปี ค.ศ. 1573 อะชิคะงะ โยะชิอะกิ หุ่นเชิดของโนะบุนะงะคิดกระด้างกระเดื่องต่อโนะบุนะงะ จึงถูกจับตัวมาลงโทษและขับไล่ออกจากเมืองหลวง เป็นอันสิ้นสุดอำนาจการปกครองของโชกุนตระกูลอะชิคะงะ ที่ปกครองประเทศญี่ปุ่นมายาวนานกว่า 200 ปี
โนะบุนะงะเป็นผู้เริ่มก่อตั้ง "กองกำลังทหารอะชิงะรุ" ซึ่งมาจากบรรดาชาวบ้านธรรมดาที่อยากมีส่วนร่วมกับบ้านเมืองในการทำสงคราม ให้โอกาสผู้ที่อยากเป็นทหารแต่ไม่มีโอกาสได้เป็น ซึ่งจะแตกต่างจากไดเมียวคนอื่น ๆ กองกำลังของโนะบุนะงะจึงเป็นกองทัพที่มาจากชาวบ้านธรรมดา ไม่เหมือนกองกำลังอื่นๆ ของไดเมียวที่มีแต่ ซามูไร จำนวนมาก
กองกำลังอะชิงะรุแม้จะมาจากชาวบ้านธรรมดา แต่ทว่าพวกเขามาด้วยใจที่รักบ้านเมือง แตกต่างจากซามูไรที่ทำเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง กองกำลังอะชิงะรุนั้นแม้มีศักยภาพในการทำสงครามไม่แพ้พวกซามูไร แต่ก็แตกต่างกับซามูไรผู้มีเกียรติและศักดิ์ศรีเป็นที่ตั้ง ที่ยอมพลีชีพในสงครามอย่างมีเกียรติและศักดิ์ศรี ถ้าถูกจับตัวได้จะไม่มีการซัดทอดโดยเด็ดขาด ยอมแม้แต่จะฮาราคีรีตัวเองเพื่อไม่ต้องตายโดยน้ำมือผู้อื่น
กองกำลังอะชิงะรุพ่ายแพ้สงครามบ้างเป็นครั้งคราวเพราะความกลัวตาย ทำให้โนะบุนะงะต้องวางแผนในการทำสงครามใหญ่ ในระหว่างนั้นมีชาวโปรตุเกส เข้ามาติดต่อค้าขายกับญี่ปุ่น และเผยแผ่ศาสนาคริสต์ และปืน อาวุธที่ช่างโปรตุเกสนำมาด้วย หลังจากได้ศึกษาปืนของชาวโปรตุเกสแล้ว โนะบุนะงะมองเห็นว่าอาวุธชนิดนี้สามารถสร้างกองกำลังที่แข็งแกร่งให้แก่ตนได้
ในปี ค.ศ. 1544 โนะบุนะงะก็สั่งให้ช่างชาวญี่ปุ่นแกะและสร้างปืนตามแบบฉบับของชาวโปรตุเกส โดยก่อตั้งโรงงานผลิตอาวุธขึ้น สั่งให้ช่างชาวญี่ปุ่นผลิตปืนขึ้นมาเป็นจำนวนมาก ต่อมาเมื่อไดเมียวทั้งหลาย เห็นศักยภาพอาวุธปืนของโอะดะ ต่างพากันหันมาเปลี่ยนอาวุธจากเดิมคือ ดาบ, ธนู หรือธนูเพลิง มาเป็นอาวุธปืนเช่นเดียวกับโนะบุนะงะแทบทั้งสิ้น เพราะอาวุธปืนนั้นสามารถฝึกฝนการใช้งานได้อย่างง่าย ไม่เหมือนกับดาบหรือธนูที่ต้องใช้ระยะเวลาฝึกฝนอย่างยาวนาน
แม้ศัตรูอย่าง อะชิคะงะ โยะชิอะกิ อดีตโชกุนผู้เป็นหุ่นเชิดของโนะบุนะงะจะถูกกำจัดไปแล้ว แต่โนะบุนะงะกลับยังมีศัตรูจำนวนมากที่เป็นปรปักษ์กับเขา หนึ่งในศัตรูตัวฉกาจของเขาคือ พระ นักพรต และนักรบ พระนักรบและนักพรตจำนวนมากต่อต้านและท้าทายอำนาจของโนะบุนะงะ เขาทำสงคราม กวาดล้างพระนักรบหลายต่อหลายครั้ง ซึ่งการรบกันระหว่างพระนักรบและโนะบุนะงะครั้งที่สำคัญที่สุดคือ การบุกเข้าทำลายล้างสำนักสงฆ์ของพระนักรบบนเทือกเขาฮิเออัน ซึ่งเป็นพุทธสถานที่เก่าแก่ มีอายุหลายพันปี
ในการทำสงครามกวาดล้างสำนักสงฆ์ของกลุมกบฏอิคโค อิคิ โนะบุนะงะสั่งการให้กองกำลังทหารจำนวนมากกว่า 30,000 นาย เข้าโอบล้อมเทือกเขาฮิเออันก่อนจะตีโอบตะลุยขึ้นไปยังวัดซะกะโมะโตะ ซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักสงฆ์ของอิคโค อิคิ และเป็นจุดศูนย์กลางของพระนักรบ และการกวาดล้างพระนักรบในครั้งนี้เองที่โนะบุนะงะได้แสดงความโหดร้ายออกมาอย่างชัดเจน เขาออกคำสั่งให้ฆ่าทุกคนที่อาศัยอยู่บนเทือกเขาฮิเออันจนหมดสิ้น ไม่เว้นแม้แต่ผู้หญิงหรือเด็กทารก สั่งให้กองกำลังทหารของตน เผาทำลายบ้านเรือนทุกหลังจนวอดวาย และให้กองกำลังทหารของเขาบุกโจมตีพระพุทธสถานแห่งอื่น ๆ ที่มีทีท่าว่าจะก่อการกบฎต่อเขา
จากการทำสงครามกับสำนักสงฆ์ที่โนะบุนะงะได้แสดงความเหี้ยมโหดออกมาอย่างชัดเจน ยิ่งทำให้ชื่อเสียงของเขากระฉ่อนไปทั่ว ถึงกระนั้นโนะบุนะงะก็ยังคงเป็นขุนพลนักรบที่มีวัสัยทัศน์กว้างไกล เขาไม่ได้ทำลายเมืองซะคะอิ ซึ่งเป็นเมืองท่าที่มีความสำคัญด้านเศรษฐกิจของญี่ปุ่น นอกจากไม่ทำลายแล้วยังยื่นมือเข้าช่วยเหลือแก่บรรดาพ่อค้าแม่ค้าที่ประกอบการค้าขายรายใหญ่ๆ ของเมืองซะคะอิ เขาวางรากฐานของการค้าและเศรษฐกิจอย่างดี โดยให้สิทธิพิเศษแก่พ่อค้าแม่ค้าในด้านภาษีอากร ควบคุมการชั่ง การตวง และวัดสิ่งของให้ได้ตามระบบมาตรฐานของประเทศ ซึ่งทำให้ญี่ปุ่นในขณะนั้นไม่ได้มีแต่ด้านมืดด้านเดียวอย่างที่ควรจะเป็น โอะดะ โนะบุนะงะอาจจะดูโหดร้าย สร้างศัตรูไว้มากมาย แต่เขาก็ยังสามารถยืนหยัดต่อสู้มาอย่างโชกโชน จวบจนวาระสุดท้ายของเขา ก่อนที่จะจบชีวิตลงด้วยน้ำมือของคนสนิทของเขาเอง อะเคะจิ มิสึฮิเดะ
โนะบุนะงะครองอำนาจในสมัยเอโดะยาวนานกว่า 48 ปี ก็ถึงคราวสูญสิ้นอำนาจ โดยถูกอะเคะจิ มิสึฮิเดะ นายทหารแม่ทัพคนสนิทของ โอะดะ โนะบุนะงะ เป็นผู้สังหารเนื่องจากถูกโนะบุนะงะทำให้อับอายต่อหน้านายทหาร
ในปี ค.ศ. 1582 เกิดสงครามที่คีวชู โนะบุนะงะจึงส่งกองกำลังทหารจากเกียวโตไปปราบปราม ระหว่างทางมิสึฮิเดะได้ตลบหลังโนะบุนะงะ นำกำลังทหารของตนเองย้อนกลับมายังปราสาทอะชิซึ เพื่อล้างแค้นความอับอายขายหน้าที่โนะบุนะงะได้สร้างไว้แก่ตน
อะเคะจิ มิสึฮิเดะ คุมกองกำลังทหารจำนวนมาก เข้าตีโอบล้อมโนะบุนะงะที่เดินทางออกจากปราสาทอะชิซึ ไปพักอยู่ที่วัดฮนโนจิ จากการถูกตลบย้อนหลังด้วยนายทหารคนสนิท ทำให้โนะบุนะงะโกรธแค้นและด้วยศักดิ์ศรีของโนะบุนะงะยอมทำฮาราคีรี หรือการคว้านท้องตนเองเพื่อไม่ให้ชีวิตของตนต้องถูกผู้อื่นประหาร เป็นการปิดฉากนักรบผู้เป็นตำนานของญี่ปุ่นอย่างสมศักดิ์ศรี
อะเคะจิ มิสึฮิเดะ นำกองกำลังทหารย้อนกลับไปยังปราสาทนิโจซึ่ง โอะดะ โนะบุทะดะ ผู้เป็นบุตรชายของโนะบุนะงะครอบครองอยู่ และบุกทำลายล้างปราสาทนิโจก่อนจะสังหารโนบุทาดะเสียชีวิต สิ้นสุดการปกครองอำนาจของตระกูลโอะดะซึ่งยังไม่บรรลุเป้าหมายการรวมประเทศญี่ปุ่น หลังจากล้มล้างทำลายตระกูลโอะดะสำเร็จแล้ว อะเคะจิ มิสึฮิเดะก็ถูกลอบสังหารเช่นเดียวกันที่เมืองยะมะซะกิ จากกองกำลังทหารและนักรบซามูไรของตระกูลโอะดะซึ่งนำโดยโทะโยะโทะมิ ฮิเดะโยะชิ นายทหารคนสนิทของโนะบุนะงะอีกคนที่นำกำลังทหารมาล้างแค้นให้แก่นายของเขา ก่อนจะเป็นผู้รวบรวมประเทศญี่ปุ่นต่อจากโนะบุนะงะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น